วันที่ 14 พ.ค. 2567 จากกรณีที่ บุ้ง ทะลุวัง หัวใจหยุดเต้น โดยรายงานข่าวจาก โรงพยาบาลราชทัณฑ์ แจ้งว่าเมื่อช่วงเช้าวันนี้ น.ส.เนติพร หรือ บุ้ง ทะลุวัง ผู้ต้องขังคดีทางการเมือง มีอาการหัวใจหยุดเต้น เจ้าหน้าที่กำลังปั๊มหัวใจอยู่นั้น
ขณะที่ทางด้าน นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้เผยอาการ บุ้ง ทะลุวัง ว่าเมื่อเช้านี้ (06.00 น.) ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ โทรศัพท์ไปบอกครอบครัวว่าบุ้งมีอาการไม่รู้สึกตัว หัวใจหยุดเต้น ต้องทำการปั๊มหัวใจ ซึ่งทางญาติและทนายความกำลังไปเยี่ยมบุ้งที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ล่าสุดไม่มีสัญญาณชีพ กำลังส่งไป รพ.ธรรมศาสตร์
ล่าสุดมีการรายงานข่าวเข้ามาว่า บุ้ง ทะลุวัง เสียชีวิตแล้วที่ห้องฉุกเฉินรพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เวลา 11.22 น. แพทย์รอชันสูตรที่นิติเวช ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตยังไม่มีการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ เพจเฟซบุ๊ก ทะลุวัง – ThaluWang ได้โพสต์ภาพเอกสาร 2 ฉบับ คือ หนังสือแสดงเจตนาขอบริจาคร่างกาย และ หนังสือเจตนาไม่ประสงค์จะขอรับบริการสาธารณสุข ที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วย ลงลายมือชื่อ น.ส.เนติพร หรือ บุ้ง นักเคลื่อนไหวทางการเมืองและแกนนำกลุ่มทะลุวัง
โดยเอกสารระบุ “ข้าพเจ้านางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม หนังสือฉบับนี้ทำขึ้นเพื่อแสดงเจตนาของข้าพเจ้า ซึ่งถูกคุมขังอยู่ตามหมายขังของศาลอาญากรุงเทพใต้ และขณะนี้กำลังทำการอดอาหารและน้ำเพื่อประท้วงกระบวนการยุติธรรมและเรียกร้องให้มีการปฏิรูประบบตุลาการและกระบวนการยุติธรรมของไทย
ข้าพเจ้าขอแสดงเจตนาต้องการบริจาคร่างกายของตนภายหลังจากที่ตายแล้ว โดยขออุทิศร่างนี้ให้กับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อการศึกษาและวิจัย เพื่อนำร่างของข้าพเจ้าไปใช้ทำประโยชน์ เป็นการเผยแพร่ความรู้ถึงสภาวะที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายของมนุษย์เมื่อเกิดการอดอาหารขึ้น
ในการอุทิศร่างกายดังกล่าว ข้าฯ ขอความกรุณาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรุณารับร่างของข้าฯ ไว้ แม้จะไม่สามารถเดินทางมาติดต่อกรอกข้อมูลและยื่นเอกสารด้วยตนเองได้ ด้วยเหตุผลส่วนตนและเหตุผลจากการที่ถูกคุมขังอยู่ภายใต้การควบคุมของราชทัณฑ์
ทั้งนี้ หากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะทำการรับร่างของข้าฯ ไว้ ก็จักเป็นการขอบพระคุณยิ่ง และต้องขออภัยหากหนังสือแสดงเจตนาของข้าพเข้าได้สร้างความเดือดร้อนให้กับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรมศาสตร์ โดยประการใด
ขอแสดงความนับถือเป็นอย่างสูง ในกิจการที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรมศาสตร์ และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ได้ยืนหยัดช่วยเหลือประชาชนตลอดมา
คุณความดีใดที่ได้จากการอุทิศร่างกายในครั้งนี้ ขอส่งให้กับประชาชนที่ยากลำบากทุกคนและขอให้ไม่มีความเหลื่อมล้ำในประเทศไทยอีกต่อไป”