วันที่ 19 พ.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีผู้ใช้เฟสบุครายหนึ่งโพสต์ข้อความว่า”ขอปิดรับค่าน้ำมันแล้วนะคะ คาดว่าน่าจะเพียงพอแล้วคะ 1 ชั่วโมง ยอดได้ 6329.70 บาท น้ำใจคนเขาค้อ ตามกำลังศรัทธา สมทบทุนส่งตา โดนโกงค่าแรง ได้ขับจักรยานกลับบ้านเอง จาก อุตรดิตถ์ กลับบ้านที่ชัยภูมิ ตอนนี้ ได้รับอนุเคราะห์ห้องพักจาก สท.เอ๋มะขามทอง ให้พักผ่อนในคืนนี้ และพรุ่งนี้ สท.เดียวจะนำส่งถึงบ้าน ตอนนี้ประสานทาง ผญ.บ้านของตาเรียบร้อยแล้ว อายุ 67 ปี ขับรถจาก อุตรดิตถ์ เป็นเวลา 3 วันแล้ว ถามตาสั้นๆว่าทำไม ไม่ขึ้นรถประจำทาง ตาบอกไม่มีเงิน ที่จุกไปกว่านั้น ,,,, รถไม่มีเบรค ล้อหลังส่ายไปมา โอ๊ยย …..ตาน้ำตาไหลเลย ตอนถามว่า พรุ่งนี้ไปส่งมั๊ย พร้อมกันนี้ได้โพสต์คลิปวีดีโอช่วยเหลือชายวัยสูงอายุที่อาศัยอยู่ศาลาริมทางพร้อมกับจักรยาน 1 คัน จากนั้นก็ได้พาไปพักในห้องพักแห่งหนึ่งใกล้กับเทศบาลตำบลแคมป์สน รวมทั้งคลิปวีดีโอพาชายสูงอายุดังกล่าวขึ้นรถนำไปส่งที่จังหวัดชัยภูมิ ปรากฏว่ามีผู้เข้ามาแสดงความชื่นชมอย่างมากมาย จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบ น.ส.ชฎาพร สมรูป ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 13 ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นเจ้าของโพสต์ดังกล่าวโดยได้เปิดเผยว่าเมื่อวานในช่วงค่ำได้มีผู้พบชายสูงอายุปั่นจักรยานมาจอดพักอยู่ที่ศาลาริมทางข้างเทศบาล ต.แคมป์สน ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านของตนเอง จึงออกไปตรวจสอบพบว่าเป็นชายสูงอายุทราบชื่อต่อมาคือนายสำเริง สงเทียน อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 179 หมู่ 12 ต.ตลาดแล้ว อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ โดยได้เล่าว่าไปทำงานรับจ้างก่อสร้างอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อก่อสร้างเสร็จนายจ้างได้เบิกเงินและหนีไปปล่อยลอยแพลูกจ้างทั้ง 10 คน ต่อมาแต่ละคนก็ได้แยกย้ายกลับบ้านของแต่ละคนไป ส่วนคุณตาสำเริงอยู่คนละทางกับคนอื่นๆ ไม่รู้จะทำอย่างไรโทรศัพท์ก็ไม่มี เบอร์โทรศัพท์ของคนรู้จักก็จำไม่ได้ อีกทั้งไม่มีเงินติดตัวเลย จึงได้ปั่นจักรยานคู่ใจจากจังหวัดอุตรดิตถ์ ตั้งใจว่าจะปั่นไปจนถึงบ้านที่ชัยภูมิ ค่ำไหนนอนนั่น อาหารก็ได้อาศัยผู้ใจบุญหยิบยื่นให้
จนกระทั่งเข้าวันที่ 3 จึงมาถึงเขาค้อจึงจะนอนพักที่ศาลาริมทางถึงตอนเช้าก็จะเดินทางต่อ ซึ่งจักรยานที่ปั่นมาก็มีสภาพเก่า เบรกก็ไม่มีต้องอาศัยใช้เท้าหน้าเหยียบล้อหน้าเพื่อชะลอความเร็วเวลาลงเนิน
น.ส.ชฎาพร สมรูป ตนจึงได้ปรึกษากับ น.ส.จุลีพร คำพล สมาชิกสภาเทศบาลตำบลแคมป์สนที่มีบ้านพักอยู่ใกล้บริเวณดังกล่าว เพื่อขอให้คุณตาไปนอนพัก จากนั้นตนก็ได้ตรวจสอบไปยังปลายทางว่าคุณตามีตัวตนและมีบ้านตามที่อยู่จริงหรือไม่ ซึ่งก็ได้รับการยืนยันจากผู้ใหญ่บ้านว่าเป็นเรื่องจริง จึงได้ปรึกษากันที่จะขอรับบริจาคจากเพื่อนๆผู้ใจใจบุญเพื่อที่จะขับรถพาคุณตาไปส่งที่บ้าน เนื่องจากเห็นว่าเป็นช่วงฤดูฝน มีฝนตกลงมาตลอด เกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงได้เปิดรับบริจาคตอนแรกตั้งใจว่าจะบริจาคเพียงค่าน้ำมันเท่านั้น แต่ปรากฏว่าเปิดรับบริจาคเพียง 1 ชั่วโมง มีทั้งเพื่อน ๆ และผู้ใจบุญได้โอนมาช่วยเป็นจำนวนเงินถึง 8,000 บาท จึงได้ปิดรับบริจาค
กระทั่งในช่วงเช้าของวันนี้ตนจึงให้แฟนขับรถไปส่งคุณตาที่บ้านที่จังหวัดชัยภูมิ เมื่อไปถึงก็พบว่ามีผู้สูงอายุในหมู่บ้านมารอรับคณะที่ไปส่งพร้อมทั้งทำพิธีผูกแขนขอบคุณที่ได้ช่วยเหลือคุณตาในครั้งนี้ ซึ่งก็พบว่าคุณตาอาศัยอยู่กับภรรยาเพียง 2 คนเท่านั้น ส่วนลูกๆก็ไปมีครอบครัวอยู่ต่างจังหวัดกันหมด เมื่อคุณตาไปทำงานรับจ้างยายก็อยู่บ้านคนเดียวโดยมีเพื่อนบ้านคอยช่วยเหลือและดูแลกันตามมีตามเกิด สำหรับเงินบริจาค 8,000 บาทนั้น ได้ใช้จ่ายเป็นค่าน้ำมันรถทั้งไปและกลับจำนวน 2,500 บาท และได้พาคุณตาไปซื้อข้าวของเครื่องใช้จำนวนหนึ่ง ที่เหลือก็ได้มอบให้คุณตาทั้งหมดเพื่อเอาไว้ใช้จ่ายต่อไป