สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า “เรด ล็อบสเตอร์” (Red Lobster) เชนร้านอาหารทะเลยักษ์ใหญ่ในสหรัฐ ได้ยื่นเรื่องขอฟื้นฟูกิจการภายใต้กฎหมายล้มละลายมาตราที่ 11 ในสหรัฐแล้ววันนี้ (20 พ.ค.)โดยบริษัทระบุว่ามีสินทรัพย์มูลค่าระหว่าง 1 พันล้านดอลลาร์ถึง 1หมื่นล้านดอลลาร์ และมีหนี้สินอยู่ประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์
ที่ผ่านมา เรด ล็อบสเตอร์ ประสบปัญหาทางการเงินมานานหลายปี โดยบริษัทได้พยายามหาวิธีปรับโครงสร้างหนี้สินและหลีกเลี่ยงการล้มละลาย แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถต้านทานแรงกดดันทางการเงินได้อีกต่อไป เนื่องจากบริษัทเผชิญกับภาวะการ “ขาดทุน”ที่เพิ่มขึ้น
ประกอบกับ “บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)” ซึ่งเข้าควบคุมกิจการในปี 2563 ได้เปิดเผยแผนการการถอดหุ้นออกจากร้านอาหารดังกล่าวไปเมื่อต้นปี 2567 โดยระบุว่า “ข้อบังคับด้านการเงินของทั้งสองบริษัทฯ ไม่สอดคล้องกับลำดับการจัดสรรเงินทุนของบริษัทไทยยูเนี่ยน”
การยื่นฟื้นฟูกิจการในครั้งนี้คาดว่าจะช่วยให้เรด ล็อบสเตอร์ สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการ ทว่าบริษัทอาจต้องปิดกิจการสาขาร้านอาหารหลายแห่ง และส่งผลกระทบต่อพนักงานของ เรด ล็อบสเตอร์ ทั่วโลก ที่คาดว่าจะมีพนักงานจำนวนมากถูกเลิกจ้าง
เรด ล็อบสเตอร์ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2506 ปัจจุบันมีสาขามากกว่า 750 สาขาในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก เปิดตัวด้วย “บิสกิตรสชีส” จนกลายเป็นเมนูยอดนิยม
ที่ผ่านมา เรด ล็อบสเตอร์ ใช้กลยุทธ์ “บุฟเฟ่ต์ปู” และ “บุฟเฟ่ต์กุ้ง” ที่ดึงดูดลูกค้าอย่างล้นหลาม แต่ส่งผลต่อต้นทุนและกำไรของบริษัท จนขาดทุนกว่า 106 ล้านบาทจากการอัดโปรโมชัน นำไปสู่เหตุผลที่ทำให้ “ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป” ถอนทุนออกจากธุรกิจในสหรัฐเนื่องจากขาดทุนสะสม
ส่วน “เรด ล็อบสเตอร์ ประเทศไทย”บริหารแฟรนไชส์โดยบริษัท “บริษัท เร้ด ล็อบสเตอร์ รีเทล เอเชีย จำกัด” ถือหุ้นใหญ่โดย “บริษัท ฟู้ด ออฟ เอเชีย จำกัด” หนึ่งในบริษัทลูกของเครือ “ไทยเบฟ” ซึ่งยังคงขาดทุนต่อเนื่อง โดยรายได้ปี 2565 อยู่ที่ 3.2 ล้านบาท ขาดทุน 1.8 ล้านบาท