“อั้ม อธิชาติ” บอกวาเลนไทน์ปีนี้ไม่เหงา อยู่กับแม่และน้องหมา เผยความสัมพันธ์ “ทราย อินทิตา” หลังคนโยงมือที่สาม บอกเขามีผัวมีลูกแล้ว รับมองเป็นเรื่องตลก ลั่นใครเข้าใจผิดขอให้เข้าใจใหม่ด้วย เผยทุกวันนี้ไม่มีเพื่อนคบเพราะกลัวเป็นข่าว โอดไม่คิดลงเล่นการเมืองเพราะไม่ใช่งานถนัด
ถือเป็นเรื่องที่หลายคนกลับมาจับตามองอีกครั้ง สำหรับพระเอกหนุ่ม “อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์” หลังจากที่ได้เลิกรากับอดีตภรรยา “นัท มีเรีย เบนเนเดดตี้”จบรัก 15 ปีเมื่อไม่นานมานี้ ท่ามกลางกระแสสังคมที่เกิดขึ้น พร้อมได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือเกี่ยวกับมือที่สาม แต่ก็ไม่วายกระแสดรามาไม่จบ เมื่อโลกโซเชียลได้เผยภาพของหนุ่มอั้มกับนักธุรกิจสาว เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อนสร้างอย่างสาว “ทราย อินทิตา”หลังช่วยหาเสียงเลือกตั้ง อบจ.อุดรธานี จนหลายคนพากันสงสัยถึงสถานะความสัมพันธ์ของทั้งคู่ว่าเป็นอะไรกันแน่
ล่าสุอั้มได้มาร่วมแสดงความยินดีกับงาน ‘Celebrating the Decade of Excellence’ ฉลองครบรอบ 10 ปี บริษัท ควอนตั้ม เฮลท์เเคร์ (ไทยเเลนด์) จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาล คลินิกความงาม ณ Chadra Ballroom ชั้น 2 โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ก็ได้เคลียร์ประเด็นนี้ ลั่นเขาก็มีลูกมีผัวแล้ว จะลงอะไรกันก็อยากให้ดูละเอียด เมื่อเข้าใจผิดแล้วก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อเข้าใจถูกก็อยากให้แก้ไขด้วย
“วาเลนไทน์ที่ผ่านมา อยู่บ้าน อยู่กับแม่ อยู่กับน้องหมา อยู่กับงาน จริงๆ ก็ต้องบอกว่ามันไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว ที่บางทีโสดหรือมีความรัก มันก็ผ่านช่วงเวลาที่มีชีวิตคู่ใช้เวลามาแล้ว เพราะฉะนั้นคำว่าโสดกับชีวิตคู่ มันไม่ใช่ประเด็นที่เราจะไปโฟกัสกับสิ่งนั้นมากนัก แต่ถามว่าเวลานี้ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของงาน และเรื่องดูแลครอบครัวมากกว่าถามว่ามีโมเมนต์คิดถึงไหม จริงๆ คนเราที่มีความผูกพันกันมา ความรู้สึกดีๆ ก็ยังมีให้กันอยู่เสมอ วันโอกาสดีๆ เราก็ยังระลึกถึงกันอยู่เสมอ ปีนี้ไม่ได้ส่งดอกไม้ให้ใคร คนให้ก็ไม่มีครับ ไม่มีเลย มีแต่ซื้ออาหารน้องหมา”
ไม่ได้รู้สึกเหงา รับแฮปปี้กับปัจจุบัน
“จริงๆ เหมือนเป็นการปรับเปลี่ยนชีวิตของเราในแบบปัจจุบันมากกว่า ถามว่าแฮปปี้ไหม เรามีความสุขกับทุกๆ เรื่องในเวลานี้ ไม่ได้รู้สึกเหงา อย่างที่บอกเราโตขึ้นมากแล้ว เราก็มีงานที่ต้องทำ”
เผยความสัมพันธ์ “ทราย อินทิตา” เขาก็มีลูกมีผัวแล้ว
“เห็นข่าวมีคนส่งมาให้ เขาก็มีลูกมีผัวแล้ว จะลงอะไรกันก็อยากให้ดูละเอียดขึ้นนิดนึง ก็เข้าใจได้มีคนอาจคิดกันไป เมื่อเข้าใจผิดแล้วก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อเข้าใจถูกแล้วก็อยากให้แก้ไขกัน
ถามว่าสนิทกันได้ไง จริงๆ หลายคนจะรู้ว่าเรามีพระอาจารย์ที่นับถือในระยะเกือบ 20 ปี ที่ผ่านมา ก็มีผู้หลักผู้ใหญ่และเพื่อนนักแสดงจะไปที่อุดรธานีค่อนข้างบ่อยจนเราก็เริ่มรู้จักเพื่อนๆ ที่อุดรฯ รวมถึงคุณทราย เวลามีงานต่างๆ ก็จะคอยดูแลแขก ดูแลเพื่อนๆ ที่ไปจากกรุงเทพฯ ก็จะรู้จักกันตามงานกุศล งานวัด และงานบุญ
เรามองว่าความที่เราเดินทางไปอุดรฯ บ่อย เราเห็นเมืองอุดรฯ เป็นอย่างไร เขาเห็นเพื่อนพี่เราเขามีความตั้งใจมากๆ เราก็เห็นคนอื่นที่ช่วยโดยไม่ได้บอกอะไรเลย เรามองว่าถ้าจังหวัดมีคนที่ตั้งใจทำงาน ผลักดันคนที่ทำงานดีจริงๆ มันก็น่าเป็นประโยชน์ เราก็เลยคิดว่าไปช่วยแนะนำไปช่วยบอกว่าเขาได้ทำอะไรบ้างในสิ่งที่คนอื่นไม่เคยเห็น”
รับมีไลน์ไปหาหลังมีข่าว มองเป็นเรื่องตลกขำๆ ลั่นทุกวันนี้สื่อเจริญแล้ว แต่อยากให้ความคิดคนเจริญตามสื่อให้ทัน
“ก็มีไลน์คุยกัน ก็มีกรุ๊ปเพื่อน เขาก็ไลน์บอกตอนนี้ดังมากเลย เขาบอกไม่นึกถึงผัวนึกถึงลูกเขาเลย จริงๆ ต้องบอกว่ามันไม่มีอะไรจริง สามีของทางคุณทรายเราเองก็รู้จักเวลาไปงานบุญ ลูกเขาก็เรียกเราอาอั้ม มันไม่มีอะไรเลย คนอาจจะไม่เคยเห็นแล้วตีความไป แล้วสื่อในโซเชียลเอาเรื่องหนึ่งไปต่ออีกเรื่องหนึ่งค่อนข้างไว แล้วก็ไม่ฟังสิ่งอื่นสิ่งใด เพราะฉะนั้นวันนี้เรามีโอกาสพูด เราอยากบอกว่าให้เข้าใจให้ถูก ทุกวันนี้สื่อเราเจริญก็จริง แต่อยากให้ความคิดเราเจริญตามสื่อให้ทัน ไม่ใช่ว่าเรื่องหนึ่งเราเขียนไปมีคนเดือดร้อน เราลองนึกถึงสามีเขา นึกถึงลูกเขา นึกถึงเขาที่ต้องไปตอบเพื่อนๆ
จริงๆ เขาก็ไม่ได้มีผลกระทบ ทุกคนรู้อยู่แล้ว บางคนมองเป็นเรื่องตลก บางคนมองเป็นเรื่องขำ เราก็เข้าใจได้นะในเรื่องของการเข้าใจผิด แต่ถ้ามันเท่านี้ไม่เอาความคิดของตัวเองไปทำร้ายคนอื่นมันก็จะไม่เป็นอะไร”
เผยทุกวันนี้แทบไม่มีเพื่อนคบเพราะกลัวตกเป็นข่าว
“อย่างที่บอกว่าตอนนี้อยู่กับน้องหมากับแม่ ตอนนี้เพื่อนไม่กล้าคบแล้วนะ เราก็ไปคุยกับพระอาจารย์ที่อุดรฯ และคุยกับกลุ่มลูกศิษย์ พระอาจารย์บอกคราวหน้าต้องระวังแล้วนะเดี๋ยวจะมีข่าวกับเรา ท่านก็แซวเล่นๆ
ถามว่ากังวลไหม ไม่กังวลเลย เข้าใจผิดได้ เราก็คุยกันให้เข้าใจ ขอโทษกันได้ คำขอโทษไม่ผิด เข้าใจผิดแล้วก็ขอโทษกันได้ไม่มีปัญหา ตอนนี้ไม่มีคนคบแล้วครับ ไม่แปลก”
มีปรึกษาทนายไว้ บอกอะไรที่รุนแรงเกินไปให้เป็นเรื่องของกฎหมาย
“เอาเป็นว่าทุกอย่างมีกฎเกณฑ์ของมัน ถ้าอะไรเกินไปเราก็มองว่าก็เข้าใจกันได้ แต่ถ้าอะไรเหนือขึ้นไปมันก็ต้องเป็นเรื่องของกฎหมาย จะบอกว่าหลายๆ เรื่องก็เก็บเป็นข้อมูลไว้ ดูว่าบางอันที่เราบอกไปแล้วเขามีการเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า หรือก่อนหน้านี้ 3-4 เดือนก่อน เราเก็บข้อมูลไว้ เก็บเพจ เก็บชื่อต่างๆ ไว้ในลิสต์ทั้งหมด
เราไม่ได้แค่ปรึกษาทนาย เราปรึกษาทุกมุม สื่อสมัยนี้เรารับได้ แต่พ่อแม่ ครอบครัวเรา ครอบครัวคนรอบข้างเขารับไม่ได้ มันเจอผลกระทบ เรามองว่าทุกข้อความต้องมีคนรับผิดชอบ ในเมื่อสื่อทุกวันนี้เมื่อคุณกล้าพิมพ์ กล้าเขียน กล้าแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งนั้นไหม ถ้าไม่กล้าไม่ต้องเขียน”
ไม่คิดลงเล่นกันเมือง เพราะไม่ใช่สิ่งที่ถนัด
“ไม่เลยครับ ไม่เคยมีคิดเลย ไม่เคยสนใจเลยครับ (แต่เพิ่งไปช่วยเพื่อนมา?) งานผมยังเยอะอยู่เลย งานยังเยอะอยู่ครับ หลายอย่างเลย และอาจจะไม่ได้เป็นสิ่งที่ถนัดเท่าไหร่ครับ แต่ไปช่วยเพื่อนกับงานต่างๆ ได้ครับ”