นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2568 ที่มีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ดังนี้
ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 1 เบื้องต้น ดังนี้
– บุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 16-20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน
– ใช้จ่ายภายใน เขต/อำเภอ ตามบัตรประชาชน
– ไม่กำหนดสินค้าต้องห้าม ใช้จ่ายค่าเทอม ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้าได้
– เริ่มใช้จ่ายได้ภายในปลายไตรมาส 2 หรือ ต้นไตรมาส 3 ปีนี้
ทั้งนี้ เหตุผลที่รัฐบาลเลือกกลุ่มอายุ 16-20 ปี เป็นกลุ่มแรกที่ได้รับเงินดิจิทัล เพราะเห็นว่าเป็นช่วงวัยเรียน สามารถนำไปใช้จ่ายในสิ่งของจำเป็นต่อการเรียน ช่วยแบ่งเบาพ่อแม่ได้ ส่วนกลุ่มต่อไปอายุตั้งแต่ 20-60 ปี จะพิจารณาแนวทางต่อไป
ขณะที่ นายเผ่าภูมิธรรม โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หน่วยงานที่จะรับลงทะเบียนผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน ประกอบด้วย ธนาคารของรัฐ 4 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารอิสลาม รวมทั้ง ไปรษณีย์ไทย และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จัดเจ้าหน้าที่รับลงทะเบียนให้ผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน
ส่วนคนที่มีสมาร์ทโฟน จะไม่สามารถสวมรอยลงทะเบียนกับกลุ่มนี้ได้ เนื่องจากจะมีการตรวจสอบกับค่ายมือถือ หากพบการใช้ข้อมูลโทรศัพท์เกิน 500 Mb จะถือว่าเป็นผู้มีสมาร์ทโฟน
นายเผ่าภูมิ ชี้แจงว่า ยังมีเงิน 150,000 ล้านบาท ที่แบ่งไว้กระตุ้นเศรษฐกิจ ย้ำว่าเงินเพียงพอไม่ได้มีปัญหางบประมาณ และ กลุ่มอายุ 16-20 ปี มีความเหมาะสม เพราะมีความตื่นรู้เรื่องเทคโนโลยี ซึ่งจำเป็นต่อการใช้จ่ายดิจิทัล
ส่วนนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงกรณีตัดรายการสินค้าต้องห้าม หรือ Negative List ออก เพื่อผู้ใช้ สามารถใช้จ่ายได้สะดวก แต่จะไปควบคุมในส่วนของร้านค้าที่จะลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแทน เช่น ไม่อนุญาตให้ร้านขายทอง หรือ ร้านเหล้าข้าร่วม และ ร้านค้าที่ร่วมโครงการไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเสียภาษีก็สามารถเข้าร่วมและเบิกจ่ายเงินสดได้
ล่าสุด วันนี้ 11 มีนาคม 2568 ได้กลับลำถึงดิจิทัลวอลเลต โดยได้ระบุข้อความว่า กลับลำเลย ! ดิจิ ทัลวอลเล็ต ใช้จ่ายค่าเทอม ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ไม่ได้
