>h5
พลเอก อภิรัชต์ ผบ.ทบ. ปาดน้ำตาแสดงความเสียใจ เหตุกราดยิงโคราช น้อมรับคำตำหนิในฐานะผู้นำกองทัพบก แจงเหตุทหารไม่ลุย เพราะตำรวจไม่ได้ร้องขอ พร้อมสั่งถอดบทเรียนปัญหา เตรียมเปิดสายตรงร้องเรียนกรณีไม่ได้รับความเป็นธรรม สั่งเยียวยาผู้สูญเสียเต็มที่ โดยไม่มีข้อแม้
/h5>
>h5
พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.
/h5>
>h5
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก แถลงข่าวกรณีคนร้ายก่อเหตุสังหารประชาชนภายในห้างเทอร์มินอล 21 จนมีผู้เสียชีวิตกว่า 30 คน ว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ตนเองในฐานะผู้บัญชาการทหารบก ขอแสดงความเสียใจ จากการที่มีกำลังพลทหารบกก่อเหตุดังกล่าวขึ้น และเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บดังกล่าว โดยตนเองในฐานะผู้บัญชาการทหารบก พร้อมที่จะทำทุกอย่างให้สภาพจิตใจผู้สูญเสียทุกคนดีขึ้น ส่วนประชาชนที่เสียชีวิต กองทัพบกก็ยินดีจะรับครอบครัวเข้ารับราชการทหาร
/h5>
>h5
ผบ.ทบ. ยอมรับ สาเหตุของปัญหา เกิดจากความขัดแย้งเรื่องที่ดิน
/h5>
>h5
ทั้งนี้ สาเหตุในการก่อเหตุนั้น เนื่องจากผู้ตายไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชาเกี่ยวกับกรณีการซื้อขายที่ดิน และจะต้องตรวจสอบเพิ่มว่ายังมีผู้บังคับบัญชาคนไหน เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ โดยตนเองจะเปิดช่องทางร้องเรียนโดยตรงขึ้นมา หากมีผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ได้รับความเป็นธรรม เพื่อลดปัญหาผู้บังคับบัญชากลั่นแกล้งลูกน้อง จนเป็นเหตุให้เกิดความบาดหมางจนบานปลายเป็นอาชญากรรมดังกล่าวขึ้น
/h5>
>h5
ลำดับเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ
– วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 14.00 น. ผู้ก่อเหตุได้ใช้อาวุธปืนส่วนตัวที่มีถึง 5 กระบอกก่อเหตุสังหารคู่กรณี และเครือญาติจากความแค้นส่วนตัว
– เวลา 15.00 น. ผู้ก่อเหตุได้ใช้รถยนต์ส่วนตัว เข้ามาที่ค่ายทหาร จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนที่พกไป ขู่เจ้าหน้าที่ป้อมยามเพื่อยึดปืน HK33 พร้อมพร้อมกระสุนอีก 40 นัดที่อยู่ในแมกกาซีน ก่อนจะขับรถมุ่งตรงไปยังกองคลังของกองร้อยรักษาการ และใช้ปืน HK33 ที่ปล้นมาจากจุดแรก กราดยิงพลทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ยามรักษาการณ์อยู่เสียชีวิต และใช้ปืนลูกซองของตัวเอง ยิงประตูอาวุธเพื่อเข้าไปปล้นอาวุธปืน HK33 และ ปืนกล m60 พร้อมกับกราดยิงเจ้าหน้าที่รักษาการณ์ซึ่งเป็นพลทหารบาดเจ็บอีก 2 ราย
– ผู้ก่อเหตุได้ขับรถมาที่ด้านหลังกองบังคับการกองพัน เพื่อขโมยรถจี๊ปของทหาร และขับรถจี๊ปมุ่งตรงไปที่คลังกระสุน ก่อนจะขับพุ่งชนจนประตูให้เปิดออกเพื่อหยิบกระสุนของปืน HK33
– เจ้าหน้าที่ทหารในค่ายได้ยินเสียงปืน จึงเริ่มยิงสกัดคนร้ายจึงขับรถหลบหนีออกมาจากค่ายทหารโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามสกัด และทำให้มีผู้เสียชีวิตตามรายทางก่อนจะไปถึงห้างเทอร์มินอล 21
– 08.50 น. เหตุการณ์ได้ยุติลง และสามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ในที่สุด
/h5>
ภาพจาก ไทยพีบีเอส
ผบ.ทบ. เผย เหตุที่ต้องใช้เวลากว่า 17 ชั่วโมง ในการระงับเหตุ
>h5
พลเอก อภิรัชต์ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลานานในการจัดการคนร้าย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องศึกษาโครงสร้าง และวางแผนการทำงานทั้งหมดร่วมกับเจ้าหน้าที่ของห้าง และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การมีประชาชนที่ติดอยู่ในห้างอีกหลายร้อยคน เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการไล่ทีละชั้น เพื่อความปลอดภัยของประชาชนให้มากที่สุด อีกทั้งคนร้ายยังสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ก่อเหตุ จึงรู้ทันปฏิบัติการ ประกอบกับสถานที่เกิดเหตุนั้นมีจุดหลบซ่อนได้เป็นอย่างดี จึงทำให้การจัดการคนร้ายใช้เวลานาน
/h5>
>h5
ยืนยัน กองทัพจัดเก็บอาวุธแน่นหนาแล้ว
/h5>
>h5
ทั้งนี้ ยืนยันว่า กองทัพมีมาตรการในการจัดการที่เก็บอาวุธอย่างเข้มงวด แต่ผู้ก่อเหตุเป็นผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ จึงมีความเชี่ยวชาญ รู้ตำแหน่งที่ตั้งของอาคารต่าง ๆ และวางแผนก่อเหตุมาเป็นอย่างดีว่าจากจุดนี้จะไปจุดไหน จุดนี้มีเจ้าหน้าที่กี่นาย จึงสามารถก่อเหตุดังกล่าวขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตามสำหรับบางแห่งที่มีความหละหลวม ก็จะต้องมีการดำเนินการให้เรียบร้อยนับจากนี้
/h5>
>h5
เหตุที่ทหาร ไม่ได้ลงพื้นที่ปฏิบัติการ แต่กลับเป็นตำรวจ
/h5>
>h5
ส่วนกรณีที่ทหารไม่ได้เข้าลงพื้นที่ปฏิบัติการนั้น เนื่องจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถูกแต่งตั้งให้เป็น ผู้บัญชาการเหตุการณ์ โดยให้คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน เพราะยอมรับความสูญเสียประชาชนมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว พร้อมสั่งการให้ฝ่ายทหารเข้าเตรียมพร้อมการช่วยเหลือ เมื่อ ผบ.ตร. ร้องขอซึ่งไปเป็นตามขั้นตอนตามกฎหมาย เนื่องจากทหารอยู่ ๆ จะเข้าไปดำเนินการไม่ได้ หากฝ่ายตำรวจยังสามารถรับมือได้ และไม่ได้มีการร้องขอ เจ้าหน้าที่จึงอยู่รอบนอก เพื่ออำนวยความสะดวกให้การปฏิบัติงานครั้งนี้เป็นอย่างราบรื่นและดีที่สุด รวมถึงจัดทหารไปช่วยบริจาคเลือดจำนวนมากกว่า 1 พันนาย เพื่อช่วยเหลือคนบาดเจ็บ
/h5>
ภาพจาก ไทยพีบีเอส
>h5
ตอบคำถาม มาถึงที่เกิดเหตุ ทำไมใส่ชุดเต็มยศ ไม่ใส่เสื้อเกราะ
/h5>
>h5
ผู้บัญชาการทหารบก ระบุถึงกรณีที่ตนเองใส่ชุดเครื่องแบบทหารว่า ตนเองเตรียมพร้อมชุดมาอยู่แล้ว หากมีการขอร้องจากทางตำรวจ ก็จะเปลี่ยนเป็นชุดปฏิบัติการภาคสนาม และลงพื้นที่ร่วมกับลูกน้องเช่นกัน เพราะตนเองเป็นทหารที่ผ่านอะไรมามาก เมื่อได้รับไฟเขียวหรือร้องขอจากตำรวจตนเองก็พร้อมจะลุยลงพื้นที่ปฏิบัติการร่วมกับทหารทุกนาย เพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังอย่างแน่นอน
/h5>
ผบ.ทบ. น้ำตาคลอ ขอประชาชนอย่าต่อว่าทหารแบบเหมารวม
>h5
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ พลเอก อภิรัชต์ กำลังแถลงข่าวอยู่นั้นได้มีนำตาคลอจนทำให้ต้องหยุดพูดพร้อมปาดน้ำตาอยู่เป็นระยะ พร้อมขอให้ประชาชนอย่าต่อว่าเหมารวมเจ้าหน้าที่ทหาร เพราะยังมีเจ้าหน้าที่หลายคนที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ ซึ่งบุคคลเหล่านั้นอาจจะเสียกำลังใจ หากใครต้องการต่อว่าทหารให้มาด่าที่ตนเองแทน เพราะตนเองเป็นผู้บัญชาการทหารบก พร้อมยืนยันว่าหลังจากนี้ ตลอดระยะเวลาอายุราชการที่เหลืออยู่ จะทำทุกอย่างเพื่อกู้ภาพลักษณ์องค์กรที่ถูกมือกราดยิงทำลายในครั้งนี้ให้กลับคืนมา
/h5>
>h5
ภาพจาก ไทยพีบีเอส
/h5>
>h5
ที่มา https://hilight.kapook.com/view/199909
/h5>