ปัจจุบันโลกของเรามีพื้นที่สีเขียวน้อยลงทุกที ปัญหาส่วนใหญ่ก็มาจากการที่มนุษย์ตัดไม้ทำลายป่าเพื่อขยายพื้นที่สร้างถนน สร้างบ้าน แต่ก็มีมนุษย์คนหนึ่งพยายามฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวนี้ แม้ว่าจะถูกตราหน้าว่าบ้า แต่เขาก็ไม่เคยท้อ จนทุกวันนี้พื้นที่ที่เคยแห้งแล้งก็กลายมาเป็นพื้นที่ที่ให้ชีวิตคนทั้งหมู่บ้าน…
คุณปู่ Sadiman วัย 69 ปีจากประเทศอินโดนีเซีย เคยถูกชาวบ้านหาว่าคุณปู่เป็นคนสติไม่ดี เพราะความตั้งใจของคุณปู่ที่อยากจะปลูกป่าด้วยสองมือของตัวเองบนเนินเขาที่แห้งแล้ง โดยหวังว่าจะเปลี่ยนให้มันเป็นป่าที่เขียวขจีได้
ความตั้งใจของคุณปู่เป็นความจริง 24 ปี ความเพียรพยายามของคุณปู่ก็เป็นความจริง คุณปู่ปลูกต้นไม้ด้วยตัวเองบนเนินเขาที่แห้งแล้ง มันเกิดจากการที่ชาวบ้านเผาป่าไล่เข้ามาเพื่อขยายพื้นที่ในการทำเกษตร ทำให้แหล่งน้ำมันแห้งเหือดไป
คุณปู่ Sadiman เล่าว่า ถคุณปู่คิดว่าถ้าเขาไม่ปลูกต้นไม้พื้นที่แห้งนี้ก็จะแห้งแล้งต่อไป และประสบการณ์ความรู้ที่มีมาบอกว่าต้นบันยันและต้นไทรย้อยใบแหลม จะช่วยกักเก็บน้ำได้ในปริมาณมาก
คุณปู่ลงมือปลูกต้นบันยันและต้นไทรย้อยใบแหลมรวมแล้วประมาณ 11,000 ต้น ครอบคลุมพื้นที่รวม 1,561 ไร่ ซึ่งเป็นไปตามความเข้าใจของคุณปู่คือ มันสามารถรักษาหน้าดินและกักเก็บน้ำบนผิวดินได้เป็นอย่างดี
นอกจากจะได้พื้นที่สีเขียวมาแล้ว ด้วยความอุดมสมบูรณ์ทำให้เกิดน้ำพุก่อตัวขึ้นมา จนกลายเป็นน้ำสะอาดที่ชาวบ้านสามารถนำไปใช้ทำการเกษตรได้ และแม้ว่าคุณปู่จะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจทำ แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กล่าวชื่นชม
คุณปู่ Sadiman เล่าอีกว่า ในตอนแรกชาวบ้านต่างพากันเยาะเย้ยคุณปู่ตอนที่เอาแพะไปแลกกับเมล็ดต้นบันยัน แถมชาวบ้านก็ไม่พอใจด้วยที่คุณปู่ปลูกต้นไม้เยอะแบบนี้ เพราะชาวบ้านกลัวว่าจะมีผีมาสิงที่ต้นไม้
นอกจากปลูกป่าแล้ว คุณปู่ยังทำการเพาะพันธ์ุพืชอย่างต้นกานพลูและต้นขุนนด้วย เพื่อจะได้นำไปขายหรือแลกเปลี่ยนสินค้าได้ จากที่เมื่อก่อนที่ชาวบ้านสามารถทำการเกษตรได้ปีละครั้ง มาตอนนี้สามารถทำได้ปีละ 2-3 ครั้งแล้ว
คุณปู่ทิ้งท้ายเอาไว้ เขาหวังว่าคนที่นี่จะมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่มีความสุข และขอให้ทุกคนอย่าได้เผาป่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าเลย
ที่มา : reuters